ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การออกกำลังกาย

           สวัสดค่ะ มาอัพเดทกันต่อกับเรื่องราวการออกกำลังกายแบบง่ายๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกทั้ง จะมีเนื้อหาสอดแทรกคำแนะนำ การเปลี่ยนพลังในร่างกายให้กลายมาเป็นแรงฮึดเพื่อทำให้เรามีกำลังใจในการก้าวเข้าสู่เป้าหมายค่ะ


         เอาล่ะค่ะ ว่าด้วยเรื่องการถกเถียงกันของการออกกำลังกายเวลาไหนดี  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนสงสัย หลายคนเคยได้รับข้อเสียของการออกกำลังกายผิดเวลาว่าจะมีผลเสียต่ออวัยวะต่าง ๆ ดังนั้นก่อนที่จะไปพูดถึงข้อดีข้อเสียของการออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือเย็น ว่าอันไหนดีกว่ากัน

ขอทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า




  • ถ้าคุณไม่มีเวลา ไม่สามารถเลือกได้ว่า จะออกกำลังกายตอนเช้า สาย บ่าย หรือค่ำ
การออกกำลังกายไม่ว่าเวลาใด ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพแน่นอน

คนที่ออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นเวลาใด มีผลการวิจัยยืนยันแล้วว่า สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน ฯลฯ

เหตุผลที่ต้องเริ่มต้นอย่างนี้ เพราะหลายคนไม่สามารถจัดเวลาได้ พอบอกว่าเช้าดีกว่าเย็น เย็นดีกว่าเช้า เลยคิดว่าจะไม่ออกกำลังกายซะเลย ซึ่งอันนี้ผิดแน่นอน

         ข้อมูลในการทำการวิจัยเรื่องเกี่ยวกับเวลาในการออกกำลังกาย ยังเป็นการวิจัยที่มีผลขัดแย้งกันหลายอย่าง บางการวิจัยบอกว่าเช้าดีกว่าเย็น บางการวิจัยบอกว่าเย็นดีกว่าเช้า

ข้อเท็จจริงของการออกกำลังกายตอนเช้า

1. การออกกำลังกายเวลาเช้า มักจะสามารถทำได้จนเป็นนิสัย ทำให้มีการออกกำลังกายได้สม่ำเสมอมากกว่าคนที่ออกกำลังกายตอนเย็น

2. สำหรับคนที่มีปัญหาการนอนหลับ การออกกำลังกายในตอนเช้าจะช่วยเรื่องการนอนหลับได้ดีกว่าการออกกำลังกายตอน เย็น ซึ่งเรื่องการนอนก็จะไปมีผลต่อความอยากอาหาร คือถ้านอนน้อยจะหิวบ่อยกว่าและจะทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ยากกว่า

3. สำหรับคนที่ต้องการคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนัก พบว่าการออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยให้คุมน้ำหนักได้ดีกว่า ด้วยเหตุผลในเรื่องของฮอร์โมนที่ร่างกายสร้าง ซึ่งจะสัมพันธ์กับ biological clock ในสมองในการสร้างฮอร์โมน

4. อัตราการเต้นของหัวใจจะช้ากว่าหากออกกำลังกายในช่วงเช้า

ข้อเท็จจริงของการออกกำลังกายในช่วงเย็น

1. อุณหภูมิของร่างกายจะสูงสุดในช่วงเวลาประมาณ 4-5 โมงเย็น ซึ่งจะเป็นเวลาที่เหมาะกับออกกำลังกายมาก เนื่องจากการเผาผลาญในร่างกาย อาจจะดีกว่า

2. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Strength จะดีกว่าในช่วงบ่าย โดยจะทำงานได้ดีกว่าประมาณ 5-10%


3. ความทนทานของร่างกาย endurance ซึ่งจะบอกถึงความอึดในการออกกำลังประเภทแอโรบิกจะเพิ่มขึ้นในตอนบ่ายประมาณ 4%

4. โอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บจะน้อยกว่าเมื่อออกกำลังกายในช่วงบ่าย เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้กล้ามเนื้ออบอุ่นและมีความยืดหยุ่นได้ มากกว่า รวมทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่มากกว่าก็ช่วยลดการบาดเจ็บได้ด้วย

5. ควรเว้นช่วงห่างของการออกกำลังกายกับเวลานอนออกประมาณ 4-6 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายยังมีความตื่นอยู่จากฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในขณะออกกำลังกาย


     
  ***อีกหนึ่งอย่างที่อยากฝากนะคะ >>>ถ้าคุณเป็นคนไม่มีเวลาเลย ไม่สามารถเลือกว่าจะเวลาออกกำลังกายได้มากนัก ให้จัดเวลาที่คิดว่าสะดวกที่สุด อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สามารถแบ่งออกเป็นหลายครั้ง อย่างน้อยครั้งละ 30 นาทีนะคะ เพื่อการออกกำลังกายอย่างมีปรสิทธิภาพอย่าลืมให้กำลังใจตัวเองไปพร้อมๆกับชวนคนรู้ใจ หรือคนที่รักไปออกกำลังกายด้วยนะคะ***




          ต่อไปจะพูดถึงการเพิ่มกล้ามเนื้อดดยการเล่นเวทนะคะ เพราะนอกจากเราเองจะมีการเผาผลาญไขมันในรูปของ cardio หรือ fat burn แล้วจะมีการจัดเวลาสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อโดยการยกน้ำหนักอีกด้วย  โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ท้อง หลัง ต้นขา กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นจะช่วยการเผาผลาญของร่างกายได้ดีขึ้น

          จัดเวลาสำหรับการยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำทุกวัน วันละอย่างน้อย15-30 นาที ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน หรือที่บ้าน เพื่อป้องกันอาการปวดหลังปวดกล้ามเนื้อจากการทำงาน หรือจากการใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ  


***>>สุขภาพที่ดีไม่มีขาย หากมีเวลามานั่งอ่านได้ นั่นคือคุณพร้อม50% แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อีก 50% อยู่ที่ตัวคุณแล้วน้าาาาา ****





Credit : Dr.Carebear Samitivej
Credit : Lovefit
Credit :www.infographicthailand.in.th

Comments