ประโยชน์จาก Fitness tracker และการวัด Sleep tracker

สวัสดีค่ะ ทุกคน ห่างหายจากการเขียนไปนานมากเป็นเดือนๆ ไม่อยากจะหาข้ออ้างเลย อิอิ แต่อยากจะบอกว่ามันหวานเพิ่งผ่านการป่วยมาเลยไม่ได้เขียนเลยค่ะ นั่นเนื่องมาจากว่าอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมากๆ ทำให้ดูแลตนเองได้ไม่คลอบคุมเท่าที่ควรค่ะ โอเค บ่นมาพอละ ทีนี้เราก็มาเข้าสู่บทความของเรากันดีกว่าค่ะ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง sleep tracker ค่ะ เนื่องจากว่าปัจจุบันเนี่ยมีอุปกรณ์ไฮเทคมากมายทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน วัดได้ทั้งการเดิน heart reate แม้กระทั่งการนอนหลับว่ามีคุณภาพหรือไม่ค่ะ ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่ามันมีความสามารถที่จะวัดการนอนได้จริงรึเปล่า




มันหวานเปนคนนึงค่ะที่อยากได้ fitness tracker ไว้บ้างแต่จริงๆเล็งไว้หลายตัวเหมือนกันค่ะ แต่ที่อยากได้มากสุด้ห็นจะเป็น Xiaomi รุ่น Mi Band 2 Smart Bluetooth Wristband ค่ะ เนื่องจากนอกจากจะราคาถูกแล้วนะคะยังมีสมารถใช้งานได้หลากหลายอย่างอย่างที่ทุกคนทราบกันดีค่ะ เช่น จับคุณภาพการนอน ก้าวเดิน การวิ่ง ระยะทาง รวมทั้งแจ้งเตือนการโทรก็ได้เช่นกันค่ะ 


อุปกรณ์ Smart Watch หรือ Smart Wrist Band เหล่านั้นก็มี feature สามารถทำ Sleep Tracker ได้ด้วยนะคะ แต่ถ้ามาดูกันจะพบว่า วิธีการตรวจจับการนอนของเราจะใช้วิธีที่เรียกว่า Actigraphy ค่ะ กลไกของมันพูดง่ายๆ คือ ใช้การตรวจจับการเคลื่อนที่ขยับของข้อมือที่เราใส่อยู่ โดยมันคาดว่าเวลาเรานอน แขนและมือเราจะอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนิ่ง ถ้าใครนอนละเมอก็จะทำให้ตรวจจับไปว่าตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมอะไรได้



ในบทความนี้ เล่าว่าการตรวจจับรูปแบบการนอนว่านอนมีคุณภาพหรือไม่ จะต้องตรวจที่คลื่นสมองโดยต้องไปนอนที่ห้องหลับ (Sleep Lab) และติดอุปกรณ์ตรวจวัดระโยงระยางกัน จะรู้ได้เลยว่าคลื่นสมองเราเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงหลับตื้น หลับลึกอย่างไร กรอกตาไหม เป็นต้น เขาเรียกว่าตรวจแบบ PSG (Polysomnography) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในขณะนี้ว่าแม่นยำ แต่การใช้เทคนิค Actigraphy นั้นโดยใส่แถบข้อมือเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวขยับข้อมูลนั้น เป็นเพียงการตรวจจับแบบหยาบๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องหลับให้ยุ่งยาก เขาทดลองใช้สำหรับนักบินอวกาศหรือกรณีที่แพทย์ต้องการทราบกิจกรรมประจำวันของคนไข้ทั้งวันคร่าวๆ







โดยสรุปเทคนิค Actigraphy จะได้ผลลัพธ์ที่คาดเคลื่อนบ้าง และเหมาะกับผู้ที่ไม่มีปัญหาการนอน "Normal Sleep" เท่าน้ัน สำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนที่ผิดปกติก็ยังจำเป็นต้องเข้าห้องหลับอยู่ดี ไปพบแพทย์ดีกว่านะคะ 







ข้อดีของการนอนตามคำเเนะนำคือ
1. ลดโอกาสเสี่ยงบนท้องถนน อุบัติเหตุที่เกิดจากยานยนต์ มีสมาธิ
2. ลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคอ้วน เพราะการนอนที่มีคุณภพจะส่งผลให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานได้อย่างปกติ
3. ลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจเเละเบาหวานหรือโรคต่างๆได้ค่ะ
4. ช่วยเพิ่มสมาธิ กระปรี้กระเป้าเเละช่วยให้ความจำดีขึ้น
5. ช่วยเสริมสร้างความคิด จินตนาการและอารมณ์
6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัดเเละอาการติดเชื้อนั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอก้จะทำให้ระบบร่างกายซ่อมแวมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพเช่นกันค่ะ
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำตามคำแนะนำนี้ได้ทุกคนนะคะ ที่เราทุกคนไม่อาจทำตามคำเเนะนำนี้ได้ก็เพราะมีกิจกรรมและงานที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง  เรามาลองดูข้อมูลจาก  National Institutes of Health ของอเมริกาหน่อยค่ะ เค้าพบว่าคนที่นอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมง คิดเป็นประมาณ 50-70 ล้านคนนั้นเป็นโรคที่เรียกว่า Chronic sleep disorder หรือโรคนอนไม่หลับนั่นเองค่ะ
ที่นี้มาดูทางฝั่งนักกีฬามืออาชีพอย่าง   Roger Federer และ LeBron James บ้าง พวกเขาหลับเฉลี่ย 12 ชั่วโมงต่อวันเลยละ หรือไม่ว่าจะเป็นคุณ Usain Bolt, Venus Williams, Maria Sharapova และ Steve Nash ก็หลับอย่างน้อย 10ชั่วโมง สำหรับคนที่นอนหลับแค่ 4-5 ชั่วโมงเห็นอย่างนี้คงเกิดแรงกระตุ้นบ้างนะครับจะได้แข็งแรงเหมือนพวกเค้า แต่สำหรับนักกีฬาบางคนเค้าต้องการที่จะหลับให้มากกว่านี้ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุประการฉะนี้เค้าจึงเริ่มใส่อุปกรณ์วัดการหลับ เพื่อจะได้เห็นข้อมูลการนอนหลับแล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะมันมีผลต่อการแข่งขันของพวกเค้าด้วยนั่นเองค่ะ

Sleep tracker ให้อะไรกับเรา
1. Learning Curve

ทำให้เราเกิดการเรียนรู้จากการเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมตัวเอง ทำให้เกิดการปรับปรุงสุขลักษณนิสัย ช่วยเพิ่มระยะเวลานอนหลับให้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เราออกกำลังกายมากขึ้น ช่วยให้เราสังเกตุพฤติกรรมการกินด้วยนะ เพราะ Sleep tracker จะมาพร้อมกับตัววัดก้าวเดิน แคลลอรี่และ Heart rate monitor ด้วย เราสามารถเข้าถึงข้อมูลพัฒนาการ จุดอ่อนจุดแข็งของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว อ่านง่ายเข้าใจง่าย ย่อมช่วยกระตุ้นตัวผู้ใช้ให้มีการพัฒนาตัวเองแน่นอน

2. ช่วยทำงานให้เรา 24 ชั่วโมงแม้จะหลับอยู่ก็ตาม
เมื่อก่อนเราต้องจดบันทึกกิจวัตรทุกอย่างลงในโน๊ต แต่ก็ว่าเถอะครับบางครั้งเราก็หลงๆ ลืมๆ บาง การต้องจดว่าเดินกี่นาที ใช้แคลลอรี่เท่าไร นอนนานกี่ชั่วดมงไม่ใช้เรื่องสนุกเลย โชคดีที่เจ้าตัว Sleep tracker จัดการจดบันทึกให้ทุกอย่าง และงานวิจัยได้แสดงว่าถ้าเราสามารถจดบันทึกกิจวัตรของเรา ไม่ว่าการกิน การนอนหลับและการออกกำลังกาย เราจะมีโอกาสสูงที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะลดน้ำหนัก นอนให้นานขึ้นหรืออยากจะหุ่นฟิตมากขึ้น
3.  เปลี่ยนนิสัย
การตรวจดูกิจวัตรประจำวันของเราทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นการนอน เวลาที่เราเคลื่อนไหวหรือแคลลอรี่ที่เราใช้ไป จะค่อยๆ ซึมเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึก เราจะเริ่มใส่ใจต่อการกินมากขึ้น เพราะเวลาเห็นอาหาร ตัวเลขของแคลลอรี่จะโผล่ขึ้นมาในหัว หรือการงดดื่มพวกกาเฟอีน เพราะมีผลต่อการนอนหลับ การตรวจดูกิจวัตรจาก Sleep tracker บ่อยๆ เข้าจะทำให้เราค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราให้ไปในทางที่ดีขึ้น
4. เป็นโค้ชส่วนตัว
อย่างที่บอกไปค่ะว่า Sleep tracker นอกจากจะวัดการนอนแล้วยังสามารถตรวจวัดแคลอรี่ จำนวนก้าวเดิน เวลาที่เราเคลื่อนไหว หรือถ้าใช้ร่วมกับแอพบางตัวก็จะบอกพวก Heart rate ได้ ซึ่งโปรแกรมพวกนี้จะคอยเตือนว่าเราออกกำลังกายน้อยไปหรือมากไปนะ เวลานอนน้อยไปนะ เดินน้อยไปนะ กินเกินแคลลอรี่ที่กำหนดหรือป่าว การส่วมใส่ Sleep tracker หรือ Daily tracker จึงเสมือนมีโค้ชติดตัวตลอด 24 ชั่วโมง






สำหรับบทความครั้งนี้ก็ไม่ได้เน้นไปเรื่องไหนเรื่องนึงเป็นพิเศษค่ะ จะเป็นในเรื่องของการบอกประโยชน์ของการนอนหลับเสียมากกว่า แต่ที่เอา fitness  tracker เข้ามาเพราะเห็นว่าในสมัยนี้มีเทคโนโลยีมากมายค่ะที่เราสามารถดึงประโยชน์ของมันออกมาใช้ได้ ดังนั้นจะดีแค่ไหนหากจะมีรายงานประจำวันของตนเอง มารายงานให้ทุกวันดดยที่ไม่ต้องมานั่งจดบันทึกเองหรือคอยจำว่าเข้านอนกี่โมง  เดินพอรึเปล่า ทานอาหารเพียงพอหรือไม่ นี่แหล่ะค่ะที่มันหวานอยากให้ทุกคนเล็งเห็น ส่วนคนที่ออกกำลังกายหรือต้องฝึกกล้ามเนื้อแบบมืออาชีพถือได้ว่าเป็นสิ่งสคัญมากนะคะ เพราะอย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นค่ะ ว่ามันจะช่วยสร้างวินัยให้นักกีฬารวมถึงบอกคุณภาพการฝึกฝน การนอนหลับเพื่อซ่อมแซมร่างกาย ทั้งนี้การเลือก fitness tracker ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ค่ะ ลองศึกษาดูว่าเรามีความจำเป็นในการใช้มากน้อยแค่ไหน และอันไหนเหมาะกับเรา สำหรับวันนี้ของคุณทุกคนที่สละเวลามาอ่านกันนะคะ ^^



 credit : ภาพสวยๆจาก Personal trainer  คุณบอย สนใจติดต่อได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/boy.jenjaruwong

Comments